เจตจำนงอิสระและโชคชะตา

Standard

ผมคุยเรื่องนี้กับใครบางคนเมื่อไม่กี่แล้วก่อน แล้วเขาก็แนะนำให้ผมเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากจะเขียนเท่าใดนัก แต่ไหน ๆ ก็มีเวลาว่างแล้ว ผมก็ขอแสดงความเห็นในเรื่องนี้เสียหน่อย

ผมมักเห็นโพสต์ในเฟสบุ๊คที่บอกว่ามนุษย์เรานั้นมีเจตจำนงอิสระ เช่นคำคมของโคคาโคล่า “ชีวิตคือสิ่งที่คุณสร้าง” และ “กำหนดชีวิตของคุณเอง” … “คุณและคุณเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของคุณ”

สิ่งที่ผมคิดเมื่อได้ยินแบบนี้คือ “เหลวไหลชะมัด” พูดง่าย ๆ เลย เจตจำนงอิสระนั้นไม่มีอยู่จริง มันมีอยู่จริงในแบบอ้อม ๆ เท่านั้น เช่นตอนที่คุณตัดสินใจว่าจะกินอะไรเป็นอาหารเย็น แต่ก็เท่านั้น คนทั้งช่างเดียงสากันเหลือเกิน ถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าตนนั้นไม่มีสิทธิ์เลือกเลยในเรื่องของการมีตัวตนของตัวเอง ผทคิดว่านี่เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ

มีใครบ้างล่ะที่เลือกได้ว่าตนจะเกิดมาในโลกนี้เมื่อไหร่ อย่างไร และเกิดมาภายใต้สถานการณ์แบบไหน? ไม่มี เราเลือกชื่อ เพศ ชาติพันธุ์ หรือพ่อแม่ของตัวเองหรือเปล่า? ไม่ เราเลือกความสนใจและนิสัยของเราเองหรือเปล่า? ไม่

ประเด็นคือ เราไม่ได้เลือกอะไรทั้งนั้น มีสำนวนภาษาดัตช์อยู่อยู่สำนวนหนึ่ง … ชีวิตเป็นเหมือนกระดาษชำระ คุณได้ม้วนก็ม้วนนั้น เปลี่ยนไม่ได้ (ม้วนในที่นี้ หมายถึงบทบาทหน้าที่ต่าง ๆ ในชีวิต) พูดตรง ๆ คือ เราเป็นหมากในเกมหมากรุกของพระเจ้า

แต่ไม่ได้หมายความว่าการมีตัวตนอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ไม่แปลว่าคุณไม่ควรจะทำอะไรเลยทั้งสิ้น และปล่อยทุกอย่างทิ้งไปเพราะ “ทำไปก็ไม่มีประโยชน์” ประเด็นคือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ทุกอย่างมันถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว โชคชะตาของเราทั้งหมดถูกกำหนดเอาไว้หมดแล้ว

เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ นี่แหละคือคำนิยามของอำนาจที่เหนือสิ่งอื่นใดของพระเจ้า พระองค์ตัดสินใจได้ทุกอย่าง ควบคุมได้ทุกอย่าง เราทุกคนต้องทำตาม แม้ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม แม้แต่เทวาดนางฟ้าเองก็ต้องทำตาม เรื่องสงครามครั้งยิ่งใหญ่บนสวรรค์ที่ท้าทายอำนาจของพระเจ้ามันไม่เคยเกิดขึ้นหรอกครับ ทุกอย่างอยู่ในแผนของพระองค์ทั้งหมด เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดมาก่อนแล้ว เหมือนกับทุก ๆ ทิ่ง

ไม่มีอะไรต่อต้าน ท้าทาย หรือเป็นภัยต่อพระเจ้าได้เลยแม้เพียงสักนิดเดียว จำตรงนี้เอาไว้

ขั้นตอนการสร้างอีเกรกอร์

Standard

ผมจะอธิบายรายละเอียดของอีเกรกอร์และวิธีสร้างอีเกรกอร์ และสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับอีเกรกอร์ สำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าอีเกรกอร์คืออะไร มันคือกระแสจิตที่คล้ายกับพระเจ้าหรือเทพจากลัทธิที่เชื่อในพระเจ้าหลายองค์ ผู้ใช้เวทมนตร์สามารถสร้างดวงวิญญาณขึ้นมาจากพลังงานของตนได้ และดวงวิญญาณนี้จะทำหน้าที่รับใช้คุณเหมือนกับเป็นลูกจ้าง ผู้สร้างสามารถตั้งชื่อให้กับดวงวิญญาณนี้ได้ สามารถให้ความเชี่ยวชาญ (ในด้านหนึ่งหรือในหลาย ๆ แขนง) แก่มันได้ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ประโยชน์ของการสร้างอีเกรกอร์ คือ ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นไม่สามารถหาดวงวิญญาณที่ถูกใจตัวเองหรือสิ่งที่คล้ายกันได้ตลอด แต่กับดวงวิญญาณประเภทนี้นั้น คุณสามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของคุณได้ ข้อเสียคือดวงวิญญาณประเภทนี้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรถึงจะมีพลังอำนาจมากพอที่จะสร้างผลลัพธ์ออกมาได้มาก แต่เราสามารถเร่งกระบวนการนี้ได้ด้วยของถวายที่ถูกต้อง สิ่งที่ต้องจำเอาไว้ระหว่างที่สร้างอีเกรกอร์:

⦁ มันจะต้องรับใช้คุณเท่านั้น นอกเสียจากว่าคุณจะอยากให้มันรับใช้คนอื่นด้วย
⦁ มันควรดับสูญไปเมื่อกายหยาบของคุณตาย นอกเสียจากว่าคุณจะไม่ต้องการเช่นนั้น
⦁ ต้องมีกฎข้อห้าม อย่างเช่น มันไม่ควรไปทำร้ายคนอื่นในระหว่างที่มันทำตามความปรารถนาของคุณ นอกเสียจากว่าคุณจะไม่ต้องการเช่นนั้น
⦁ คุณสามารถให้ตราสัญลักษณ์หรือโลโก้แบบที่เราเข้าใจกันแก่มันได้

——————————————

คาถาสำหรับการสร้างนพคุณ

เจ้านพคุณ ข้าขอสร้างเจ้าขึ้นมา เจ้าเกิดมาจากการสร้างสรรค์ของข้า ข้าเป็นนายเจ้า หน้าที่เพียงอย่างเดียวของเจ้าคือการรับใช้ข้า บุคลาธิษฐานของเจ้ามีดังนี้
⦁ ชื่อ: นพคุณ (แปลว่าทอง)
⦁ รูปลักษณ์ (คราว ๆ): นายหน้าค้าหุ้น
⦁ ตราสัญลักษณ์: ตามที่แสดงให้เห็น
⦁ ความสามารถ: หาเงินหาทอง ความเชี่ยวชาญของเจ้าคือการหาเงินหาทอง
⦁ ราศี: สิงห์ (28°) ความอุดมสมบูรณ์
⦁ ดาว: พระอาทิตย์

หน้าที่ของเจ้าคือการหาเงินมาให้ข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้โดยต้องไม่ไปเบียดเบียนตัวข้าและผู้อื่นไม่ว่าจะในทางใดก็แล้วแต่ โดยไม่ต้องให้ข้าต้องทำงาน อันว่า ทำงาน นั้น ข้าหมายถึงงานประจำวันทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้แล้ว เจ้าจะใช้วิธีการใดก็ได้ เมื่อหาเงินมาได้แล้วให้เข้าฝันมาบอกข้า เจ้าจะรับใช้ข้าคนเดียวเท่านั้น อย่าไปรับใช้คนอื่น ถ้าข้าตายไป ให้เจ้าตายไปด้วย จากนั้นเจ้าหยุดทำหน้าที่ของเจ้าจนกว่าข้าจะออกคำสั่ง
(6 ครั้ง)

——————————————

จงลุกขึ้นมา นพคุณ!
มีชีวิตและรับใช้ข้า! (6 ครั้ง)

คาถามอบพลังต่อไปนี้คุณอาจจะไม่ท่องก็ได้:

คาถามอบพลัง

ข้าขอปลุกเจ้าขึ้นมาและมอบพลังแก่เจ้า เจ้านพคุณ จงใช้ของเซ่นที่ข้ามอบเหล่านี้ทำให้ตัวเจ้าแข็งแกร่งขึ้นและเก่งขึ้นในความสามารถหรือความเชี่ยวชาญของเจ้า ซึ่งก็คือการหาเงินหาทองและทำหน้าที่และคำสั่งที่ข้ามอบให้แก่เจ้า เอเมน (6 ครั้ง)

ปล. สำหรับผู้ที่ต้องการรู้วิธีทำลายอีเกรกอร์ที่สร้างขึ้นมา ผู้ใช้เวทมนตร์สร้างมันขึ้นมาหรือเจ้าของนพคุณที่มีคนอื่นสร้างให้เท่านั้นที่สามารถทำลายมันได้ แค่อธิษฐานให้มัน “ตาย” หรือกล่าวคำพูดบอกให้มันหยุดมีตัวตนก็พอแล้ว ถ้าครั้งเดียวไม่ได้ผล ให้ทำซ้ำ ๆ จนกว่าจะได้ ติดต่อผมได้หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

คำสาป

Standard

คำสาป มีจริงไหม? มีจริงครับ

คำสาป มนตร์สะกด หรือคุณจะเรียกมันว่าอะไรก็แล้วแต่ คือพลังงานที่มักนำไปสู่สถานการณ์และ/หรือการเปลี่ยนแปลงด้านลบต่าง ๆ ในชีวิตที่คุณไม่ต้องการ อาจจะเป็นอุบัติเหตุ เคราะห์ร้าย และเรื่องแย่ ๆ ต่าง ๆ โดยทั่วไป ส่วนมากแล้วผลลัพธ์จะมาในรูปของการที่คนอื่น ๆ เขม่นคุณ ปัญหาด้านสุขภาพจิตและกาย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบแถบจะไม่หยุดหย่อน และอื่น ๆ

คำสาปหรือมนตร์สะกดอาจจะมาจากมนตร์ดำที่ใครคนใดคนหนึ่งเป่าใส่คุณ หรือจากคนที่อิจฉาคุณมากเสียจนเกิดเป็นคำสาปขึ้นมา (ในบางกรณี คน ๆ นั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาสาปคุณ)

การได้รับสิ่งของต้องคำสาปหรือการลบหลู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีดวงวิญญาณคุ้มครองอยู่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณถูกสาปและประสบกับสถานการณ์ดังกล่าวไปด้วยเช่นกัน

วิธีถอนคำสาป นอกจากการขอให้คนอื่นช่วยแล้ว (ผู้วิเศษหรือพ่อหมอแม่หมอต่าง ๆ ) มีอะไรบ้าง? ดูตัวอย่างด้านล่าง เราจะมองคำสาปเป็นเหมือนกับการที่กายทิพย์แปดเปื้อนมลทินหรือได้รับความเสียหายก็ได้ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่โดนไวรัส

⦁ กินกระเทียมและเกลือเยอะ ๆ สองอย่างนี้เป็นอาหารที่ทำความสะอาดจิตวิญญาณ
⦁ อาบน้ำด้วยน้ำที่ผสมของสองอย่างที่กล่าวไว้ด้านบน
⦁ สังเกตเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นความรู้สึกอยากเการาวกับว่าคุณเป็นผื่น ทั้ง ๆ ที่คุณไม่ได้เป็นผื่นจริง ๆ สิ่งเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ของคำสาปหรือพลังงานด้านลบที่คงค้างอยู่
⦁ นึกภาพว่ากายทิพย์ของตนได้รับการทำความสะอาดจนบริสุทธิ์ ทำหลาย ๆ ครั้งในหนึ่งวัน เหมือนกับการออกกำลังกาย

วิธีรักษาสุขภาพจิต

Standard

บทความนี้จะขออิงกระแสหลักกันสักหน่อย อย่างที่หัวเรื่องกล่าว ผมจะพูดถึงวิธีการดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้แข็งแรงในภาพรวม แบบเดียวกับกิจกรรมง่าย ๆ ต่าง ๆ ที่คุณทำเพื่อรักษาสุขภาพกาย

1. ทำสมาธิ: นี่ก็แค่การทำให้จิตใจสงบและพยายามทำให้เสียงในจิตคุณมันเงียบลงให้ได้ แต่ต้องไม่พยายามมากเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกกดดัน และพูดบอกตัวเองออกมาว่าตัวคุณนั้นกำลังสงบและผ่อนคลาย ถ้าพูดออกมาไม่ได้ คุณจะพูดในใจก็ได้

2. ไปนวด: การไปนวดในสถานที่ที่สงบ ที่ที่มีเสียงดนตรีเบา ๆ สบาย ๆ จะช่วยคุณได้อย่างมาก คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและสงบลง 1 ถึง 2 ครั้งต่ออาทิตย์ กำลังดี

3. คิดทบทวน: การได้อยู่คนเดียวนั้นช่วยรักษาสุขภาพจิตได้เป็นอย่างดีไม่ว่าคุณจะอยู่ในที่ร่มหรือกลางแจ้งก็ตาม โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนหรือความวุ่นวายต่าง ๆ อยู่ตลอด การได้หลบไปที่ที่ไม่มีสิ่งเหล่านั้น ที่ที่คุณมีความเป็นส่วนตัวจะ “ทำหรือพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบ” เป็นเหมือนกับการได้ทองคำอันล้ำค่าเลยทีเดียว

4. ดนตรี: การได้ฟังดนตรีที่คุณชอบนั้น (โดยไม่มีอะไรมารบกวน) จะทำให้คุณรู้สึกสบายใจและสงบ ช่วยป้องกันไม่ให้คุณ “ระเบิดออกมา” ได้

5. หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ : การหายใจเข้าและออกยาว ๆ นั้น สามารถช่วยคลายความเครียดได้ มันเป็นวิธีการง่าย ๆ แต่ได้ผลเป็นอย่างดี ทำร่วมกับข้อ 1 ได้ยิ่งดี

6. พืช: การรายล้อมตัวเองไปด้วยพืชนั้นช่วยได้มากเช่นกัน พืชในบ้านที่มีคุณสมบัติดูดซับสารพิษได้นั้นจะช่วยฟอกอาการ ทำให้สุขภาพจิตคุณดีขึ้น

7. แก้ผ้า: คุณไม่ควรประเมิณค่าของการแก้ผ้านั้นต่ำไป เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่รัดร่างกายของคุณไว้ ทำให้คุณสูดอากาศได้อย่างไม่เต็มที่ นั้นหมายความว่าคุณรับพลังงาน (ทิพย์) ได้ไม่เต็มที่เช่นเดียวกัน (เกี่ยวข้องกับเรื่องกายหายใจเมื่อครู่นี้) การเดินแก้ผ้าอยู่ในบ้านนั้น (แน่ล่ะ คุณต้องทำเป็นการส่วนตัว อย่าให้คนอื่นเห็น) และทำกิจวัตรประจำวันของคุณไป เมื่อเวลาผ่านไปสักครึ่งวัน คุณจะรู้ว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้นมากขนาดไหน (โดยทั่วไป) ยิ่งนานยิ่งดี ผมแนะนำให้ทำข้อนี้ร่วมกับข้ออื่น ๆ อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์

วิธีขจัดความกลัวความตายหรืออย่างน้อยก็ยอมรับมัน

Standard

หลาย ๆ คนกลัวความตาย (คนเหล่านี้มักจะมีความขี้ขลาดมากกว่าคนทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เจตนาจะกระทบถึงใครนะครับ) เกือบจะต้องพูดกันด้วยซ้ำว่าความตายนั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรและไม่ต้องไปกลัว ด้านล่างผมจะอธิบายเหตุผลและให้เคล็ดลับในการลดหรือขจัดความกลัวนี้ไปพร้อม ๆ กัน

⦁ การยอมรับ: อย่างน้อยที่สุด ความตายมันเป็นสิ่งที่มนุษย์อย่างเราควบคุมไม่ได้ ดังนั้นคุณจึงไม่ควรไปกลัวมันเพราะมันอยู่นอกเหนือ “การควบคุมของคุณ”

⦁ จากดิน กลับสู่ดิน: ทุกอย่างที่มีจัดเริ่มต้นของมีจุดจบ การไปหวังว่าตนจะได้อยู่ตลอดไปนั้นเป็นความคาดหวังที่เกินจริง ตามตรรกะนี้ เพราะคุณเกิด ดังนั้นคุณจึงต้องตาย

⦁ ความตายไม่ใช่จุดจบ: ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนที่ไม่นับถือศาสนาเชื่อหรืออาจจะเชื่อกัน ความตายนั้นไม่ใช่ “จุดจบ” ของตัวตนของคุณ ใช่แล้วครับ คุณจะยังมีตัวตนอยู่ต่อไป

⦁ ความกลัวจะทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่าเดิม: ประโยคนี้ชัดเจนอยู่แล้วโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่ม การกลัวความตาย โดยเฉพาะในตอนที่คุณกำลังนอนรอความตายอยู่บนเตียงหรือตอนที่คุณใกล้จะตายนั้น จะทำให้เรื่องมันยุ่งยาก แทนที่จะราบรื่นไปด้วยดี ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ในตอนที่คุณกำลังจะตาย

“จะราชาหรือคนกวาดถนน ทุก ๆ ก็ล้วนเต้นรำอยู่กับยมทูตกันทั้งนั้น”
(โรเบิร์ต อัลตัน แฮร์ริส)

องค์ประกอบทางจิตวิญญาณของมนุษย์

Standard

ในบทความนี้ ผมจะพูดเรื่ององค์ประกอบทางจิตวิญญาณของมนุษย์จากความรู้และประสบการณ์ของผม ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เรื่องที่มีความแน่นอนหรือถูกต้อง 100% อาจมีความเป็นไปได้อยู่นิดหน่อยที่ผมอาจจะคิดผิด แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น ถึงจะเช่นนั้นก็เถอะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

มนุษย์ทุกคนมีองค์ประกอบด้วย 3 อย่าง วิญญาณ กายทิพย์ และกายหยาบ

วิญญาณคือตัวตนของคุณ มันคือแก่นแท้ของตัวตนของคุณที่จะมีตัวตนอยู่ไปตลอดกาล มัน (ตัวคุณ) จะไม่เสื่อมสลายหรือจางหายไป และมันก็ปราศจากมลทิน

กายทิพย์ เป็นส่วนที่เก็บอารมณ์และความรู้สึก ฯลฯ ทั้งหมดเอาไว้ ความเกลียด ความโกรธ ความกลัว ความเศร้า ความสุข ความเจ็บปวด เป็นต้น

กายหยาบ คือร่างกายของคุณที่คุณสามารถใช้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับตัวเองในโลกกายภาพนี้ได้

เมื่อคุณตายไปแบบที่เราเข้าใจกัน ซึ่งเป็นการเคลื่อนไปจากโลกกายภาพ กายหยาบของคุณจะเคลื่อนไปก่อน และตามด้วยกายทิพย์ของคุณ หรือก็คือคุณจะตายสองครั้ง กายทิพย์ของคุณจะจางหายไปเหมือนกับกายหยาบ แล้วคุณจะได้เป็นตัวตนที่แท้จริงของตนอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง กายทิพย์ของคุณคือส่วนที่ทำให้ญาณทิพย์ต่าง ๆ เป็นไปได้ เช่น การถอดกายทิพย์และเวทมนตร์ต่างโดยรวม เรื่องแย่ ๆ ที่คั่งค้างอยู่ในใจ เช่น โรคทางจิต เรื่องฝังใจ และสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องก็อยู่ในกายทิพย์ของคุณเช่นกัน เมื่อมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจ กายทิพย์ของคุณจะเสียหายและมีความ “โสโครก” ดังนั้น จึงได้เกิดเทคนิคการทำความสะอาดแบบเหนือธรรมชาติที่คุณอาจจะเกิดได้ยินชื่อขึ้นมา ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดูดซับพลังงานและอารมณ์ด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้านลบดังกล่าวรวมไปถึงคำสาปและมนตร์ดำด้วยเช่นกัน กายทิพย์ของคุณก็ต้องการการดูแลไม่ต่างไปจากกายหยาบ เช่น อาหาร และทุก ๆ สิ่งในจักรวาลมีพลังงานทิพย์อยู่ในตัว ในระหว่างการทำพิธีกรรมนั้น อาหารที่ถวายนั้นไม่ถูกกินในทางกายภาพ แต่ดวงวิญญาณทั้งหลายจะดูดซับพลังงานทิพย์ในอาหารเข้าไป

นี่คือเหตุผลที่ดวงวิญญาณทั้งหลาย (ยกเว้นพวกที่เป็นปรสิต) เกลียดภพภูมิที่หยาบแห่งนี้ มันเหมือนกับการได้อาศัยอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด แต่กลับต้องเดินทางมายังสลัมที่น่ารังเรียจและน่าขยะแขยงที่สุด ดวงวิญญาณมีรู้สึกประมาณนี้ต่อภพภูมิที่หยาบ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ต่ำกว่าพวกเขาส่วนใหญ่ (เทพและมาร) พวกเขามายังภพหยาบแห่งนี้นั้นก็เพื่อช่วยเหลือเราด้วยเหตุผลเดียวกับที่เราช่วยเหลือผู้อื่น คือพวกเขาได้รับผลประโยชน์ตอบแทน สำหรับพวกเขาแล้ว เป้าหมายคือการยกระดับของตนเองในด้านประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ มันทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและรู้แจ้งมากยิ่งขึ้น

การทำสัญญากับปีศาจมีอยู่จริงหรือไม่

Standard

เรื่องเล่าเดิม ๆ เกี่ยวกับการ “ขายวิญญาณ” (ผมพิมพ์ไปหัวเราะไปอยู่) ให้จอมมารแลกจะทุกสิ่งที่คุณต้องการใช่น่ะเหรอครับ มันอยู่จริงครับ มีหลายรูปแบบด้วย แบบที่ทำกันในทางตะวันตกเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า แกรนด์กริมัวร์ (Grand Grimoire) ที่คุณต้องทำเรื่องยาก ๆ ต่าง ๆ เพื่ออัญเชิญลูซิเฟอร์ หรือ ลูซิฟุจ โรโฟเคล และขอสมบัติความร่ำรวย ฯลฯ แลกกับเวลาของคุณ 50 ปี ทั้งจากร่างกายภาพและร่างทิพย์ของคุณ ฯลฯ เรื่องนี้มันทำให้ผมหัวเราะเพราะ ก) คุณจะต้องหมดหวังและน่าสมเพชสุด ๆ แล้ว และ ข) คุณขายวิญญาณของตัวเองไม่ได้ เพราะมันคือตัวตนที่แท้จริงของคุณ เป็นแก่นแท้ของตัวตนคุณ กายทิพย์และกายกายภาพของคุณนั้นเขาจะเอาไปก็ได้ถ้าคุณเต็มใจจะไปต่อรองหรือจำนำ แต่จะทำแบบนั้นกับวิญญาณของคุณไม่ได้

วัฒนธรรมหรือศาสนาอื่น ๆ เขาก็มีเรื่องนี้เหมือนกัน บ่อข้อ เอิม… ที่ที่ผมอยู่ มีคนฮินดูที่บูชารูปสักการะจอมปลอมในรูปของงู ซึ่งแทนความมั่งคั่งร่ำรวย แต่ถ้าเกิดพลาดขึ้นมา ชีวิตก็ดับ ผมเห็นมากับตา ตอนนี้ คุณอาจจะถามตัวเองอยู่ว่าการบูชาและสิ่งที่คุณทำอยู่มันแตกต่างกันอย่างไร

ผมทำงานกับดวงวิญญาณ ซึ่งก็เหมือนกับความสัมพันธ์อย่างหนึ่ง สรุปง่าย ๆ มันเป็นความสัมพันธ์แบบฉันให้เธออันนี้ เธอเอาอันนั้นมาให้ฉันบ้าง ตาต่อตาฟันต่อฟัน ดวงวิญญาณผู้คุ้มครองผม ผู้ที่ผมสาบานว่าจะซื่อสัตย์กับเขาไปตลอดกาลนั้น เป็นเหมือนกับคู่สมรสของผม แม้ว่าผมอยากจะตัดขาดกับเขา ก็ไม่มีปัญหา ผมจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ทั้งสองฝ่ายมาอยู่ด้วยกันอย่างสมัครใจและทั้งสองฝ่ายก็รักษาสัญญาซึ่งกันและกัน นี่แหละคือข้อแตกต่าง ผมจะไม่มีทางเอาวิญญาณตัวเองหรือส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งของผมก็แล้วแต่ไปแลกกับอะไรโดยเด็ดขาด และเทพเทวาผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ยอมรับอะไรแบบนั้นเช่นเดียวกัน คุณจะไปคาดหวังเรื่องแบบนี้จากพวกเขาไม่ได้ มีแต่มารและพวกอื่น ๆ เท่านั้นที่ทำกัน บาปมหันต์

การอธิษฐานต่อพระเจ้าได้ผลหรือไม่

Standard

ต่อไปนี้ผมจะพูดถึงหัวข้อที่น่าสนใจมากไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม นั้นก็คือ การอธิษฐาน หลาย ๆ คนอ้างว่ามันไม่ได้ผล ซึ่งผมก็ไปโทษอะไรเขาไม่ได้ มันเป็นเหมือนกับการขอความช่วยเหลือจากใครสักคน แต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบกลับอะไรจากเขาเลย แต่คุณรู้ไหม ที่จริงแล้วการอธิษฐานนั้นได้ผล หากคุณอธิษฐานอย่างถูกวิธี เมื่อคุณอธิษฐานอย่างถูกวิธี ไม่ว่าคุณจะกำลังเข้าตาจนมากขนาดไหนก็ตาม พระเจ้าก็จะประทานสิ่งที่คุณต้องการให้ พระองค์จะประทานสิ่งที่คุณต้องการโดยการส่งสิ่งที่เหมาะกับคุณจริง ๆ มาให้ ให้คุณได้เปลี่ยนแปลงตัวเองในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น การอธิษฐานเป็นเหมือนเวทมนตร์ หรืออาจจะเป็นเวทมนตร์จริง ๆ เลยก็ได้ ทำตามนี้อย่างระมัดระวัง แล้วคุณจะเห็นผล:

“และเวลาที่เจ้าอธิษฐาน อย่าทำเหมือนพวกหน้าซื่อใจคดพวกนั้น เพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในโบสถ์ยิวและตามมุมถนนให้คนอื่น ๆ เห็น ข้าขอบอกเจ้า แท้จริง คนพวกนั้นได้รับรางวัลของตนไปอย่างเต็มที่แล้ว แต่เมื่อเจ้าอธิษฐาน ให้คุณเข้าไปในห้องของเจ้า ผิดประตูและอธิษฐานต่อพระบิดาผู้ที่มองไม่เห็นด้วยตา แล้วพระบิดาผู้ที่เห็นในสิ่งที่เจ้าทำในที่ลับนั้นจะประทานรางวัลแก่เจ้า และเวลาที่เจ้าอธิษฐาน อย่าได้พูดซ้ำซากเหมือนกับพวกที่นับถือพระเจ้าหลายองค์ เพราะพวกเขาคิดว่าหากพูดเยอะแล้วพระเจ้าจะได้ยิน อย่าเป็นเหมือนคนพวกนั้น เพราะพระบิดาของเจ้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไรก่อนที่เจ้าจะขอเสียอีก”

“เจ้าควรจะอธิษฐานเช่นนี้:

พระบิดาของเราผู้ที่อยู่บนสวรรค์
ขอให้ชื่อของพระองค์เป็นที่เคารพนับถืออยู่เสมอ
ขอให้อาณาของพระองค์มาตั้งอยู่บนโลกนี้
ขอให้คนบนโลกนี้ทำตามพระประสงค์
เหมือนอย่างที่เป็นบนสวรรค์
โปรดให้พวกเรามีอาหารกินทุกวัน
และโปรดยกโทษความผิดบาปของพวกเรา
เพราะเราได้ยกโทษแก่ผู้ที่ทำผิดบาปต่อเราแล้วเช่นกัน
อย่าปล่อยให้เราพายแพ้ต่อกิเลสตัณหา
แต่ช่วยให้เรารอดพ้นจากสิ่งที่ชั่วร้าย

เพราะถ้าเจ้าให้อภัยผู้ที่ทำผิดบาปต่อเจ้า พระบิดาบนสวรรค์ของเจ้าก็จะให้อภัยต่อเจ้าเช่นกัน แต่ถ้าเราไม่ให้อภัยแก่ความผิดบาปของผู้อื่น พระบิดาของเราก็จะไม่ให้อภัยเจ้า”

มาสรุปกับ พูดตรง ๆ คือ

⦁ อธิษฐานคนเดียว อย่าอธิษฐานในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น

⦁ อย่าใช้คำพูดของตัวเองเมื่อคุณอธิษฐานเพราะคิดว่าพระเจ้าจะได้ยิน พระเจ้ารู้อยู่แล้วว่าคุณต้องการอะไร (โดยทั่วไปแล้ว ดวงวิญญาณก็รู้ด้วยเช่นกัน อ่านบทความที่แล้วของผมเรื่อง เจตจำนง)

⦁ ให้อภัยผู้ที่ทำผิดต่อคุณในตอนที่อธิษฐาน คุณคิดว่าพระเจ้าจะอภัยบาปให้คุณได้อย่างไรหากคุณไม่ให้อภัยด้วยเช่นกัน? นี่รวมถึงการทำลายล้างศัตรูด้วย หมายความว่าคุณจะต้องไม่มีความรู้สึกผูกแค้นในเวลาที่คุณอธิษฐาน ตัวอย่างเช่น ถึงแม้ว่าคุณจะต้องการล้างแค้นก็ตาม พระเจ้าจะล้างแค้นให้คุณถ้าคุณปล่อยความโกรธเคืองไปในเวลาที่อธิษฐาน การให้อภัยศัตรูไม่ได้หมายความว่าเขาหรือเธอจะรอดพ้นไปจากโทษที่ตนสมควรได้รับ

สุดท้าย ยังมีอีกบทหนึ่งที่คุณต้องจำไว้ “จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่างต่อพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน” … คุณต้องอธิษฐานต่อพระวิญญาณด้วยใจที่แน่วแน่จึงจะได้รับความช่วยเหลือ ทุกอย่างที่คุณทำนั้นล้วนอยู่ในพระวิญญาณทั้งสิ้น ความแน่วแน่ เป็นเหมือนสายน้ำที่ขับเคลื่อนจักรวาลทั้งหทด ถ้าไม่มีความแน่วแน่ คุณจะทำอะไรไม่ได้เลย เวลาคุณขับรถ ที่คุณขับได้ก็เพราะคุณฝึกฝนมาจนคุณเชื่อว่าตัวเองขับได้ ในการที่จะทำบางอย่างได้นั้น คุณจะต้อง เชื่อ ว่าคุณทำได้ ไม่ใช่แค่พูดปากเปล่าเท่านั้นว่าทำได้ ใจคุณต้องเชื่อจริง ๆ ด้วย

อธิษฐานให้ถูกวิธี แล้วคุณจะเห็นผลอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เรื่องนี้ค่อนข้างจะน่าสนใจเมื่อมองจากมุมมองของเรื่องเหนือธรรมชาติ โดยทั่วไปแล้วพระเจ้าจะไม่ช่วยคุณโดยตรง พระองค์จะส่งทูตสวรรค์มาช่วยคุณ อย่างเช่น เทวดาที่มีความเก่งในด้านที่คุณขอ

โครงสร้างพื้นฐานของพิธีกรรม

Standard

ผมอยากจะทำสิ่งที่หัวข้อของบทความนี้กล่าวเอาไว้ เวลาที่ผมอัญเชิญวิญญาณ ผมไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น ผมมีแนวคิดที่ว่า “อะไรถ้ามันจะได้ เดี๋ยวมันก็ได้เอง ถ้ามันจะไม่ได้ ยังไงมันก็ไม่ได้” แน่นอนว่าผมได้เสี่ยงทายและเตรียมความพร้อมต่าง ๆ มาก่อนหน้านั้นแล้ว ผมค้นพบว่านี่เป็นวิธีเลี่ยงความผิดหวังที่ง่ายและได้ผลมากที่สุด

อย่างที่ผมกล่าวไว้ในบทความที่แล้ว ถ้าบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ผลแม้ว่าเราจะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วก็ตาม สาเหตุเป็นเพราะจังหวะมันไม่เหมาะ ไม่มีวัตถุดิบหรือมีวัตถุดิบอยู่ไม่เพียงพอที่จะทำให้มันได้ผล อย่างที่เขาว่า อย่าไป “รีดเลือดจากปู” การเสี่ยงทายจะบ่งบอกว่าดวงวิญญาณนั้นทำงานอย่างไรและบ่งบอกความน่าจะเป็นของความสำเร็จ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสให้คุณหยิบฉวยได้ และไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอะไรเลยที่มีความแน่นอน สิ่งที่ผมกล่าวไปนี้คือข้อกำหนดหรือเงื่อนไขของกฎ ๆ นี้ ตัวอย่างจากประสบการณ์ในชีวิตที่ผมจะยกตัวอย่างต่อไปนี้นั้นมีความน่าสนใจ โดยทั่วไปแล้ว ดวงวิญญาณเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ แต่กลไกของพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่เราเฝ้าสังเกตได้ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าสัตว์ส่วนใหญ่ แต่โปรดอย่าเข้าใจผิด เหล่านกทั้งหลายนั้นก็สามารถสังเกตตัวคุณได้อย่างง่ายดายเช่นกัน พวกมันเห็นว่าพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของคุณนั้นมีอะไรบ้าง คุณทำอะไรเมื่อไหร่และอย่างไร

⦁ ตอนที่คลอเน็คช่วยผมหางาน ทำไมทุกอย่างถึงเป็นไปได้สวย? โดยไม่ได้บอกอะไรผมเลย แต่ผมสังเกตเห็นสิ่งต่อไปนี้ เขาดูว่าผมต้องการอะไร เขารู้ว่าผมอยากทำงานที่บ้าน มันต้องเป็นงานที่สร้างรายได้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และต้องเป็นงานที่ตรงกับความเชี่ยวชาญของผมด้วย ฯลฯ “อืมมมมม คนนี้เขาต้องการแบบนี้นี่เอง” ขั้นตอนต่อไป เขาสแกนหาโอกาสในบริเวณที่ผมอาศัยอยู่ ซึ่งในกรณีนี้แล้วคือนายจ้างที่เหมาะกับความต้องการของผมมากที่สุด อย่างเช่นพวกแอป จากนั้นก็ ปิ๊ง มันได้ผล! ประเด็นคือ สถานการณ์มันมีวัตถุดิบอยู่มากพอ

⦁ เรื่องเซ็กส์แบบไม่ผูกพันกับซีทรีและฟลอ’กลาแทช ทำไมถึงไม่ได้ผล? ทำไมถึงไม่สำเร็จ?
ข้อสังเกต: สถานการณ์ตอนนั้นมันไม่มีโอกาสที่เหมาะสม อย่างที่บอกไป ผมต้องการแค่เซ็กส์ ไม่ใช่ความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น สรุปสั้น ๆ คือ ผู้หญิงในประเทศผมไม่ต้องการอะไรแบบนั้น พวกเธอเป็นคนหัวโบราณ เซ็กส์คือการสอดใส่เท่านั้น และถึงพวกเธอจะคิดว่าคุณเป็น “คนที่ใช่” พวกเธอก็จะไม่มีการ เล้าโลมอะไรทั้งนั้น ยกเว้นพวกหญิงนักขุดทองและพวกอื่น ๆ ที่ไร้คุณธรรม พวกที่อยากจะมาหาผลประโยชน์จากคุณ สุดท้าย ผู้หญิงที่นี่มีแต่คนขี้เหล่ ผมค่อนข้างจะช่างเลือกในเรื่องของหน้าตา แนวคิดเรื่องเพื่อนแบบมีผลประโยชน์นั้นเป็นเรื่องปกติในแถบตะวันตก แต่โชคร้ายที่ไม่ใช่ที่นี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ได้ผลเนื่องจากเหตุผลเหล่านี้ ไม่มีโอกาสและไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีอะไรที่จะหยิบจับมาใช้ได้

แบบฝึกหัดทมิฬสุริเยนทร์

Standard

ผมขอแบ่งบันประสบการณ์ของผมจากการทำแบบฝึกหัดทมิฬสุริเยนทร์ในบทความนี้ แต่ก่อนอื่น ผมขอเกริ่นนำสั้น ๆ ก่อนสำหรับผู้ที่ไม่รู้ว่าแบบฝึกหัดนี้มีอะไรบ้าง ผมพบแบบฝึกหัดนี้เมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่ผมเพิ่งจะเริ่มเล่นไสยศาสตร์ได้ใหม่ ๆ นักเวทย์วิถีหัตถ์ซ้ายคนหนึ่ง (Left Hand Path) ผู้มีนามแฝง E.A. Koetting อัพโหลดวิดีโออธิบายไว้อย่างคร่าว ๆ ว่าแบบฝึกหัดนี้คืออะไรและมีประโยชน์ต่อผู้ฝึกอย่างไร ผมยังจำตอนที่ผมทำแบบฝึกหัดนี้ได้เป็นอย่างดี และยังจำความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ผมรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าไปประมาณ 3 วันหลังที่ทำแบบฝึกหัดไปได้ 1-5 วัน ดังนั้น ผมก็บอกไว้ก่อนเลยว่านี่ไม่ใช้พิธีกรรมสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียน

ลิงค์วิดีโอยูทูป: Black Sun Exercise (เปิดไม่ได้แล้วเพราะยูทูปลบช่องของเขาไป คุณคลิกเข้าไปดูเองได้) อ่านสคริปต์ของวิดีโอนั้นได้ที่นี่ ซึ่งถูกคัดลอกและวางไว้ในจดหมายข่าวของเขาที่เกี่ยวกับวิดีโอนั้น (เป็นภาษาอังกฤษ)

ผมพิธีกรรมนี้อีกครั้งเป็นเวลาหนึ่งเดือนโดยเริ่มในเดือนกันยายน ปี 2016 ผมทำพิธีเสี่ยงทายล่วงหน้าเป็นเวลาหนึ่งเดือนอย่างที่ผมทำอยู่เป็นประจำเพื่อดูว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรที่เปล่าประโยชน์ ผลที่เกิดขึ้นคือ พิธีกรรมนี้มีผลข้างเคียงด้วย เช่น ความรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ผมรู้สึกอยากทานอาหารบ่อยขึ้น (ก่อนหน้านั้นผมเคยทานอาหารแค่หนึ่งมื้อต่อวันเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมทานสามมื้อต่อวันแล้ว) นอกจากนั้น ผมยังรู้สึกได้ว่ามีความเดือดดาลคุกรุ่นอยู่ในใจตัวเองมากกว่าเดิม (ความโกรธ เกลียด ฯลฯ) แต่ผลด้านบวกนั้นก็ดีมาก ๆ รายได้ต่อเดือนของผมเพิ่มขึ้น (อย่างที่ผมกล่าวไว้ในบทความก่อนว่ารายได้ของผมอยู่ที่ $3000 จากนั้นมันก็เพิ่มขึ้นเป็น $3500 และเกือบจะ $4000 ในตอนนั้น) สุขภาพจิตของผมดีขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น ผมมีความแจ่มแจ้งมากยิ่งขึ้นและเรื่องต่าง ๆ ที่คั่งคางอยู่ในจิตใจก็หายไปอีกด้วย แต่ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่าแบบฝึกหัดทมิฬสุริเยนทร์นั้นช่วยเสริมสิ่งที่ผมทำอยู่แล้วเท่านั้น ประโยชน์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการกระทำที่ผมทำอยู่แล้ว ไม่ได้มาจากตัวแบบฝึกหัดโดยตรง หลังจากที่ทำอยู่สองถึงสามสัปดาห์ ผมก็ปรับปรุงพิธีกรรมได้สำเร็จด้วยการเพิ่มรูปภาพและลูกแก้วพยากรณ์เข้าไปด้วย ทำให้แบบฝึกหัดนนั้นมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ผมแนะนำให้คุณทำสองอย่างนี้ด้วย (ส่วนตัวแล้วผมทำอย่างนั้น) เสี่ยงทายด้วยลูกแก้วพยากรณ์ก่อน แล้วจึงเริ่มแบบฝึกหัด คุณสามารถใช้รูปภาพด้านล่างประกอบการใช้ลูกแก้วพยากรณ์ได้ด้วยการปริ้นท์มันออกมาบนกระดาษสีขาว

อีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องกล่าว ช่วงแรกนั้นเป็นช่วงที่ยากที่สุด คุณจะรู้สึกได้ถึง “ความร้อน” แต่สักพักหนึ่งมันจะหายไป และสมาธิจะแตกต่างกันออกไป (สำหรับผม ผมเริ่มเห็นพระอาทิตย์ธรรมดารวมตัวกับพระอาทิตย์สีดำ หลังจากนั้นสักครู่ พระอาทิตย์สีดำก็เริ่ม “มันวาว” มากขึ้นเรื่อย ๆ) คุณควรทำแบบฝึกหัดนี้หนึ่งครั้งต่อวัน สุดท้าย คำอธิบายเมื่อครู่นี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม คนอื่น ๆ อาจจะแตกต่างกันออกไป แล้วแต่คน ผมขอแนะนำให้คุณตรวจสอบดูก่อนว่ามันจะทำให้อะไรให้คุณได้หรือเปล่า